สเตียรอยด์ (Steroid)
เป็นชื่อย่อของกลุ่มยา corticosteroidสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทตามแหล่งกำเนิดดังนี้
สเตียรอยด์ธรรมชาติ
ร่างกายสร้างขึ้นมาเองเป็นกลุ่มฮอร์โมนชนิดหนึ่งในร่างกายที่สร้างขึ้นในปริมาณเพียงเล็กน้อยเพื่อทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆในร่างกายให้เป็นปกติอยู่เสมอเช่น ต้านการอักเสบ ลดอาการปวด ปรับความเครียด ปรับความอ่อนเพลียให้เป็นปกติ นอกและทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานเป็นปกติและอีกมากมาย
สเตียรอยด์สังเคราะห์
มนุษย์สร้างขึ้นมาพื่อเลียนแบบสเตียรอยด์ธรรมชาติที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการรักษาทางการแพทย์ที่ให้ผลในเรื่องการรักษาโรคได้ดีและรวดเร็วแต่เนื่องจากเป็นเคมีสังเคราะห์ จึงให้ผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายมากกว่ามีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน
ประโยชน์ที่แท้จริงของสเตียรอยด์
เนื่องจากสเตียรอยด์ที่ใช้ในการรักษาโรค มีทั้งคุณอนันต์และโทษมหันต์ในการใช้เพราะสเตียรอยด์จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อ(1)แพทย์จะเลือกใช้เป็นลำดับท้าย ในกรณีที่ไม่มียารักษาอาการของโรคนั้นแล้ว หรืออาจใช้เพื่อการรักษาช่วงต้นที่เร่งด่วน เพื่อลดอาการ เช่น อาการโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ (2)สเตียรอยด์ยังมีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน จึงมีการนำมาใช้เพื่อลดภูมิคุ้มกันในโรคแพ้ภูมิตนเองเพื่อไม่ให้โรคลุกลาม เช่น โรคพุ่มพวง โรคสะเก็ดเงิน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
รูปแบบการใช้สเตียรอยด์โดยแพทย์ (แพทย์จะดูตามความเหมาะสมของโรคและควบคุมปริมาณการใช้)
1.ชนิดเม็ดสำหรับกินบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่การติดเชื้อ
2.ชนิดน้ำสำหรับใช้ฉีดกับหยอดตา หรือพ่นสำหรับใช้ในโรคหอบหืด
3.ชนิดครีมเป็นยาทาภายนอก สำหรับคนที่เป็นโรคผิวหนัง
ผลเสียจากการใช้สเตียรอยด์
รูปแบบการใช้สเตียรอยด์แบบผิดๆ
1.ชนิดเม็ดทานแก้สิวอักเสบ
2.ชนิดน้ำยาฉีดสิว
3. ครีมหน้าใส หน้าขาวหน้าเด้งยา
แต้มสิวรักษาสิว
ซึ่งสเตียรอยด์ที่ผสมในครีมนั้นสามารถรักษาสิวทำให้ผิวเนียนเรียบและหน้าขาวใส เนื่องจากสารสเตียรอยด์มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันของร่างกายทำให้สิวอักเสบบนหน้ายุบลงได้อย่างรวดเร็วทำให้ผิวหน้าเนียนเรียบและยังช่วยลดเม็ดสีเมลานิล ทำให้ผิวหน้าขาวใสได้ภายใน 3วัน 7วัน ซึ่งการกดภูมิคุ้มกันนั้นทำให้ผิวหน้าไม่มีภูมิคุ้มสำหรับกันต้านทานเชื่อโรคมีผลทำให้ติดเชื้อง่ายถ้าเป็นแผลที่ผิวหนังตามร่างกาย แขน ขา นิ้วมือ ทำให้แผลหายช้า บางรายแผลลุกลามทั่วร่างกายจนเกิดการติดเชื้อเข้าในกระแสเลือดและบางทีสเตียรอยด์อาจปิดบังอาการแสดงของโรคติดเชื้อ กว่าจะตรวจพบ เชื้อโรคก็ลุกลามรุนแรงมากจนทำให้เสียชีวิต
ผลเสียจากการใช้ครีมสเตียรอยด์
1. เกิดอาการผิวหน้าบาง หลังการใช้ยาสเตียรอยด์ 2-4 สัปดาห์ฤทธิ์ยาจะทำให้ผิวหนังเกิดการบางตัวยาจะทำให้กระบวนการสร้างคอลลาเจนเสียไป ผลที่สังเกตได้คือ เกิดรอยแตก รอยแยกบนผิวหนัง
2. เส้นเลือดใต้ผิวหนังผิดปกติทำให้มีอาการหน้าแดงอยู่ตลอดเวลา
3. ผิวหนังจะมีสีจางลงหากใช้เป็นเวลานานทำให้เกิดเกิดด่างขาว
4. เกิดรอยบุ๋มของผิวหนัง (ส่วนมากเกิดจากการฉีดสิว )
5. เกิดสิวผด
6. หากใช้ยาเป็นเวลานานจะเกิดการติดยาสเตียรอยด์ ( Steroid Addict ) เมื่อหยุดยาหน้าจะแดงมีสิวผดเกิดขึ้นปัญหานี้พบบ่อยมากในปัจจุบันเนื่องจากมีการใช้สเตียรอยด์เกินความจำเป็น
รีวิวผลเสียจากครีมสเตียรอยด์
เห็นผลไวไม่สามารถรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้
สเตียรอยด์ชนิดยาทาภายนอกซึ่งมีความเข้มข้นสูง จะทำให้ผิวหนังจะบาง เส้นเลือดที่ผิวหนังแตกง่าย จะเห็นรอยแตกสีม่วงแดงตามผิวหนังที่หน้าท้องและต้นขาผิวหนังมีลักษณะเป็นมัน อักเสบมีผื่นแดง มีรอยแตกสีม่วงแดงตามผิวหนังที่หน้าท้องและต้นขา
เห็นผลช้าใช้เวลานานในการรักษาให้กลับมาเป็นปกติ
จะเกิดอาการที่เรียกว่า "ติดสเตียรอยด์" ขึ้นทำให้ผิวหน้าบาง และแพ้ง่ายๆมาก พอแพ้ง่ายการเกิดสิว สิวผด ผื่นแดง สิวอักเสบ สิวหนอง ก็จะตามมา ใช้ยารักษาสิวก็ไม่ค่อยหายเพราะสเตียรอยด์มันไปเปลี่ยนแปลงสภาพผิวภายในให้ทำงานผิดแปลกไปจากเดิม ส่วน ใหญ่ตอนแรกๆจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังมีความเสี่ยงต่อการเป็น จนอาการสิวเริ่มออกมา
สเตียรอยด์ที่สาวๆสามารถเจอในชีวิตประจำวันนั้นที่ปลอดภัยมักจะพบในรูปแบบการรักษาสิวของทางคลินิกที่ต้องผ่านการพิจารณาจากแพทย์เท่านั้น ซึ่งจะใช้เวลารักษาไม่นานมากนักเพราะถ้านานเกินไปนั้นหมายถึงคุณโดนเลี้ยงไข้แล้วค่ะ ส่วนครีมที่มีสเตียรอยด์นั้นอันตรายมากๆไม่ควรใช้โดยเด็ดขาดถ้าคุณไม่ได้เป็นโรคผิวหนังหรือเป็นคนที่มีสิวเยอะกว่าคนปกติ เพราะสเตียรอยด์สามารถทำให้คนที่มีผิวหน้าปกติกลายเป็นผิวหน้าที่แพ้ง่ายไปเลยทันที!!! ถ้าคุณใช้ครีมสเตียรอยด์เป็นเวลานานหรือครีมนั้นมีปริมาณสเตียรอยด์มากๆ ซึ่งมันไม่คุ้มเลยกับการที่อยากมีหน้าขาวใสไร้สิวแบบเร่งด่วนแต่พอเลิกใช้กับต้องมาทุกข์ทรมานกับการมีผิวหน้าที่พังสิวขึ้นเต็มหน้า ผิวหน้าบางจะใช้อะไรก็ต้องระวังมากกว่าคนปกติ และการรักษาผิวหน้าที่ติดสเตียรอยด์นั้นต้องใช้ระยะเวลานานที่มาพร้อมกับค่าใช่จ่ายที่สูง
การรักษาเมื่อคุณรู้ตัวแล้วผิวติดสเตียรอยด์
- คุณควรหยุดผลิตภัณฑ์นั้นทันที
- ล้างหน้าด้วยน้ำที่สะอาด
- งดแต่งหน้า ห้ามแกะเกา งดมาร์คหน้า
- ควรหยุดใช้ครีมทุกอย่างซักพัก
การบรรเทาผิวติดสเตียรอยด์ด้วย Biohope
Step 1 ล้างหน้าด้วย Amino Acid Cleansing Cream
Amino Acid Cleansing Cream เป็นโฟมล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิวพร้อมฟื้นฟูผิวติดสเตียรอยด์ ที่มีส่วนผสมของกรดอะมิโน แอซิด กับ คอลลาเจน สามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น พร้อมกำจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวอักเสบเพราะผิวหน้าที่ติดสเตียรอยด์จะติดเชื่อง่าย และไม่ทำให้หน้าแห้งหลังจากการใช้
Step 2 บำรุงและฟื้นฟูด้วย Bio-E Recovery Treatment Cream (สำหรับคนผิวแห้ง) / Hyaluronic Acid Serum (สำหรับคนผิวมัน)/Skin Regeneration Set(ฟื้นฟูเร่งด่วนเหมาะทุกสภาพผิว)
Bio-E Recovery Treatment Cream (สำหรับคนผิวแห้ง) คุณมั่นใจได้ว่าครีมนี้ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้เพราะไม่มีสารกันบูดน้ำหอมและแอลกอฮอล์ที่ทำให้ระคายเคืองผิว ซึ่งBio-eนั้นอุดมไปด้วย วิตามิน และเซราไมดส์ III ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าที่ติดสเตียรอยด์ให้กลับมามีภูมิคุ้มกัน และช่วยซ่อมแซมผิวชั้นนอกให้ดีขึ้น กระตุ้นเนื้อเยื่อของผิวให้เสริมสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่มากขึ้น
Hyaluronic Acid Serum (สำหรับคนผิวมัน) มีสารสกัดจากธรรมชาติเข้มข้น ไฮยาลูรอนิค แอซิด ที่สามารถทำให้สิวอักเสบยุบและแห้งเร็วขึ้น เพราะเซรั่มของเราเป็นโมเลกุลขนาดเล็กมากถึง 1/100 ของกรดไฮยาลูรอนิค แอซิด ทั่วไป จึงทำให้เซลล์ผิวของคุณให้เจริญเติบโตดีขึ้นช่วยให้คอลลาเจน และอีลาสตินในชั้นผิวหนังประสานกันอย่างมั่นคงมากขึ้น ทำให้สิวลดลงอย่างเห็นได้ชัด
Skin Regeneration Set (ฟื้นฟูเร่งด่วนเหมาะทุกสภาพผิว)
- คอร์ปเปอร์ ไตรเปปไทด์ แอนตี้-เอจจิ้ง เซรั่ม ช่วยเสริมสร้าง และป้องกันการเสื่อมสภาพของผิวหน้าที่ติดสเตียรอยด์
- ทีอาร์เอ็กซ์ แอนตี้-อัลเลอร์จิค รีแพร์ริ่ง เอสเซนส์ ช่วยซ่อมแซมผิว ปรับให้ผิวให้แข็งแรงมากขึ้น
- เซราไมดส์ ไฮเดรทติ้ง เซรั่ม ช่วยปรับผิวให้ชุ่มชื้น สุขภาพดี เห็นผลทันที
เพราะผลิตภัฑณ์นี้คนที่โดนทำร้ายจากสารเคมีอย่างรุนแรงจนผิวด่างดำ หรือเป็นคนที่เป็นมะเร็งผิวหนังก็สามารถใช้ได้
Leave A Comment